วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

เที่ยว ตรัง ให้ตราตรึง (คู่หูเดินทาง)

          จังหวัดตรังเป็นจังหวัดชายทะเลฝั่งตะวันตก ที่ในอดีตพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี(คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้ทูลเกล้าฯ ขอจัดตั้งขึ้นเป็นเมืองในรัชสมัยของพระบาสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยท่านได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรังเป็นคนแรก

          
จังหวัดตรังมีพื้นที่ทั้งหมด 4,941 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 10 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอกันตัง อำเภอห้วยยอด อำเภอย่านตาขาว อำเภอปะเหลียน อำเภอสิเกา อำเภอวังวิเศษ อำเภอนาโยง อำเภอรัษฎา และอำเภอหาดสำราญ มีหมู่เกาะในทะเลอันดามันที่อยู่ในการปกครองกว่า 46 เกาะ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนพฤษภาคมของทุกปี

          ปัจจุบันนอกจากเสน่ห์ในเรื่องความเก่าแก่ของเมืองตรังแล้ว เมืองตรังยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมายไม่แพ้เมืองชายฝั่งอันดามันอื่นใด ทั้งแหล่งกิน แหล่งช้อปต่างๆ ก็ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดแม้แต่รายการเดียว โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนๆ แบบนี้ ‘ความตราตรึงของเมืองตรัง’ คงจะทำให้ผู้อ่านคู่หูเดินทางได้ผ่อนคลายหายร้อนกันได้บ้างไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน 



 จุดหมายแรกเมื่อมาเยือนยังเมืองตรัง ก็คือการไปกราบสักการะ ศาลหลักเมือง เพื่อเป็นสิริมงคลเสียก่อน ศาลหลักเมืองตรังปัจจุบันตั้งอยู่ที่ตำบลตวนธานี อำเภอกันตัง สถานที่ตั้งตรงจุดนี้อยู่บริเวณที่ตั้งเมืองเก่า เป็นศาลหลักเมืองเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีวิญญาณอภิบาลเป็นสตรีจึงเรียกกันว่าศาลเจ้าแม่หลักเมือง เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวตรังทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการมีบุตรยากมักจะมาอธิษฐานขอกับบุตรกับเจ้าแม่หลักเมืองเสมอ เมื่อสักการะเจ้าแม่หลักเมืองกันเรียบร้อยแล้ว


  จุดต่อไปซึ่งไม่ไกลกันนักที่ควรแวะไปชมก็คือ สถานีรถไฟกันตัง ซึ่งตั้งอยู่บนถนนหน้าค่าย ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นสถานีรถไฟสุดทางของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน ตัวสถานีเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยาทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล ประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุ ประตูบานเฟี้ยมแบบเก่า คงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6  

          ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว แต่ยังคงใช้งานอยู่ โดยมีรถไฟสายกรุงเทพฯ-กันตัง เดินรถทุกวัน แม้ว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาที่นี่จะไม่ได้เดินทางด้วยรถไฟก็ตาม แต่สถานีรถไฟแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งเมืองกันตังที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกในการมาเยือนกันทั้งนั้น


   จากนั้นก็มาเยี่ยมชมบ้านบุคคลสำคัญของเมืองตรังกันต่อ คือ พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ตั้งอยู่ห่างจากเทศบาลเมืองกันตังประมาณ 200 เมตร เป็นจวนเก่าเจ้าเมืองตรัง ผู้มีคุณูปการนำความเจริญมาสู่เมืองตรังในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการนำต้นยางพาราเข้ามาปลูกในเมืองไทยเป็นครั้งแรก สร้างอาชีพชาวสวนยางให้แก่พี่น้องชาวใต้ ส่งผลให้เศรษฐกิจการส่งออกของไทยดีขึ้นจนทุกวันนี้ ปัจจุบันจวนแห่งนี้ได้รับการดูแลรักษาตกแต่งให้คงไว้ซึ่งลักษณะเดิมเสมือนเมื่อครั้งที่ท่านพระยารัษฎาฯ ยังมีชีวิตอยู่ เป็นที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าตัวจริงของท่านพระยาฯ พร้อมเครื่องเรือนเครื่องใช้ของท่านในห้องต่าง ๆ มีภาพถ่ายครอบครัวของท่าน  และภาพเหตุการณ์สำคัญของเมืองตรังและหัวเมืองปักษ์ใต้ให้ศึกษาประวัติศาตร์ได้เป็นอย่างดี 

          เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 8.00 -16.30 น. หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะสามารถติดต่อผู้บรรยายการนำชมล่วงหน้าได้ที่ โทร. 075-274151-8


 เมื่อชมพิพิธภัณฑ์ฯ เรียบร้อยแล้วให้เลี้ยวขวามุ่งหน้าเข้าเมืองตรัง เราจะผ่านสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับท่านเจ้าเมือง คือ ต้นยางพาราต้นแรกของเมืองไทย นั่นเอง อยู่บริเวณริมถนน 403 หน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง ยางต้นนี้เป็นต้นยางรุ่นแรกที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรัง ได้นำจากมาเลเซียเข้ามาปลูกที่อำเภอกันตัง เมื่อ พ.ศ.2442 ยางต้นนี้ก็ยังคงมีชีวิตอยู่เป็นอนุสรณ์ให้เราได้รำลึกในพระคุณของท่านพระยารัษฎาฯ จวบจนปีนี้ 2555 ยางต้นนี้ก็มีอายุได้ 113 ปีแล้ว


 เกาะแรกที่เราจะไปดำน้ำกัน คือ เกาะเชือก และ เกาะม้า ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือปากเมงประมาณ 12 กิโลเมตร ทั้งเกาะเชือกและเกาะม้านี้ มีลักษณะเป็นภูผากลางทะเล ไม่มีชายหาดให้ขึ้นไปบนเกาะได้ แต่ความพิเศษของเกาะแห่งนี้ก็คือ เป็นแหล่งปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์สวยงาม จุดนี้เป็นจุดที่มีกระแสน้ำเชี่ยว การดำน้ำดูปะการังจึงต้องมีเชือกให้คอยเกาะไว้เพื่อป้องกันกระแสน้ำพัดออกไปไกลจากตัวเรือจนอาจเป็นอันตรายได้


อีกเกาะที่มีที่พักให้บริการคือ เกาะไหง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรอยต่อของจังหวัดกระบี่และตรัง แต่ด้วยการเดินทางจากจังหวัดตรังจะสะดวกสบายใกล้กว่า จึงจัดให้เป็นกลุ่มสถานที่ท่องเที่ยวในเขตทะเลตรัง เกาะไหงเป็นเกาะที่มีหาดทรายสีขาวสะอาดทอดยาวตลอดแนวฝั่งตะวันออก อยู่ในมุมซี่งเป็นแหล่งกำบังคลื่นลมจากมหาสมุทรได้ดี จึงเป็นที่เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเลเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีท่าเรือระดับมาตรฐานในโซนทะเลอันดามันใต้ ทำให้จากที่นี่คุณสามารถเดินทางไปที่อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เกาะไหงจึงเป็นศูนย์กลางของการเดินเรือระหว่างภูเก็ต, เกาะพีพี, เกาะลันตา, และเกาะทางใต้อื่น ๆ เช่น เกาะมุก, เกาะกระดาน, เกาะลิบง, เกาะหลีเป๊ะ แม้กระทั่งเกาะลังกาวี ของประเทศมาเลเซียอีกด้วย





  จากนั้นมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองจังหวัดตรัง อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต่อกันด้วยกิจกรรมโดนใจนักช้อปนักชิมที่ ถนนคนเดิน หน้าสถานีรถไฟจังหวัดตรัง ที่นี่เราจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวตรัง ชิมขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง  สินค้าที่ระลึก และงานฝีมือ บางทีท่านอาจจะได้ชมเด็กๆ แสดงดนตรีเปิดหมวก ร้องเล่นเต้นรำทำเพลง เป็นการสัมผัสสีสันยามค่ำคืนอีกมุมหนึ่งของเมืองตรัง เปิดเฉพาะศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 17.30-22.00 น. เท่านั้น



  จากจุดนี้มุ่งหน้าตรงขึ้นมาอีก 2 แยกไฟแดงเราก็จะได้พบกับสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองตรังไปแล้ว นั่นคือ หอนาฬิกา ทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้ง มีอายุกว่า 50 ปีมาแล้ว มีการติดไฟประดับสลับสีกันทุกๆ 10 วินาที สร้างความสวยงามแปลกตาให้กับนักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันอีกจุดหนึ่ง

          ก่อนโบกมืออำลาจากเมืองตรังสิ่งสำคัญที่เราควรทำไม่ว่าจะก่อนหรือหลังห้ามลืมเป็นอันขาด นั่นคือ การมากราบสักการะ อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ซึ่งตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะเขารัง ในเขตอำเภอเมือง อนุเสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติให้กับพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ปูชนียบุคคลผู้สร้างสรรค์คุณประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมให้กับจังหวัดตรัง และพี่น้องชาวใต้มาจนถึงทุกวันนี้ บนเขารังแห่งนี้ยังเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง มีมุมสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ มุมออกกำลังกาย และสันทนาการอีกมากมาย

          ความจริงเมืองตรังยังที่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาดอีกมากมาย เช่น พระนอนทรงเครื่องโนราวัดภูเขาทอง น้ำตกกะช่อง หาดหยงหลิง ถ้ำเจ้าไหม เกาะลิบง หาดเจ้าไหม เกาะเหลาเหลียง ถ้ำเลเขากอบ ฯลฯ เป็นต้น เราจึงขอฝากความตรึงตราในการมาเที่ยวเมืองตรังในภาคแรกไว้เพียงเท่านี้ก่อนพอเป็นน้ำจิ้ม หากโอกาสหน้าเราได้มาเยือนแดนดินถิ่นนี้อีกครั้ง เราสัญญาว่าเราจะนำความติดตราตรึงใจของจังหวัดตรัง ในมุมมองใหม่ ๆ มานำเสนอให้ท่านอย่างยากที่จะลืมกันเลยทีเดียว...สวัสดีเมืองตรัง